วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Life of Fuk


     ไม่กี่วันนี้ บีได้มีโอกาสเปิดนวนิยายเรื่องคำพิพากษาของชาติ กอบจิตติ อีกครั้ง หลังจากที่อาจารย์สั่งการบ้านในวิชาวรรณกรรมร่วมสมัย ให้เขียนถึงวรรณกรรมที่ประทับใจและให้ความรู้สึกสะเทือนอารมณ์

    และบีก็ตัดสินใจเลือกวรรณกรรมที่ตรึงความรู้สึกบีมากที่สุดอย่าง "คำพิพากษา" หรือที่หลายๆคนรู้จักกันในชื่อ "ไอ้ฟัก" เป็นวรรณกรรมที่ถูกการันตีด้วยรางวัลซีไรต์ ประจำปี พ.ศ. 2525  

   แรกเริ่มเดิมทีนั้นบีไม่รู้จักวรรณกรรมเรื่องนี้หรอกค่ะ จนวันนึงสมัยมัธยม บีได้มีโอกาสดูเรื่องไอ้ฟัก หลังจากที่ช่อง7 นำมาฉาย โดยมีนักแสดงนำอย่าง  เต้ ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์ และ ตั้ก บงกช คงมาลัย

ถึงแม้จะมีฉากล่อแหลมดึงดูดใจเยอะไปหน่อย 555555 
แต่บอกเลยว่าตอนดูครั้งแรก บีโมโหมาก ให้ความรู้สึกว่า ไอ้ฟัก ชีวิตนี้ฟัค(fuck)จริงๆ


ภาพจาก www.numtan.com

   หลังจากนั้น บีมีโอกาสได้อ่านนวนิยายเรื่องคำพิพากษา อันเป็นแบบฉบับต้นเรื่องของภาพยนตร์ บอกเลยว่ามันกินใจกว่ามาก อ่านไปน้ำตาไหลไปเลย


ขอปูพื้นเรื่องย่อก่อนเนอะ 

         ฟัค เอ้ย ฟัก บวชเรียนตั้งแต่เด็กและตั้งใจปวารณาทั้งชีวิตเพื่อพระพุทธศาสนา แต่ก็มีเหตุให้ต้องลาสิกขา หลังจากพ่อทีเป็นภารโรงป่วยลง จากนั้นเขาก็ต้องไปประจำการเป็นทหาร หลังจากที่ฟักปลดประจำการ ก็ได้กลับมาบ้านอีกครั้ง และพบว่าพ่อได้นำ "สมทรง"หญิงสาวจิตไม่สมประกอบคนหนึ่งมาเลี้ยงไว้เป็นภรรยาด้วยความเมตตา
        ไม่นานพ่อของเขาก็เสียชีวิตลง ทิ้งไว้เพียงความเศร้าและสมทรงให้เป็นภาระหน้าที่ของฟักที่ต้องดูแล ฟักดำรงชีวิตด้วยความมัธยัสถ์ สานต่ออาชีพภารโรงของพ่อด้วยความขยัน อดทน  เลี้ยงดูสมทรง โดยไม่เคยล่วงเกินใดๆ
       บ่อยครั้งสมทรงมักจะมาช่วยฟักทำความสะอาดโรงเรียน คลุกคลีอยู่กับฟัก จึงทำให้ชาวบ้านคิดไปต่างๆนานาว่าฟักได้เอาเมียพ่อมาเป็นเมียตนเสียแล้ว
       ความทุกข์ระทมจากคำครหาของชาวบ้านที่เข้าหูฟักบ่อยๆ ทำให้ตัวฟักนั้นเกิดความเครียดอยู่เสมอ
ยังโชคดีที่ฟักได้รู้จักกับ ลุงไข่ สัปเหร่อที่มีความเข้าใจในชีวิตของฟัก เนื่องจากพบเจอประสบการณ์เดียวกัน ฟักจึงมีลุงไข่เพียงคนเดียวที่เป็นเพื่อนยามเหงา คอยปรับทุกข์และให้ข้อคิดแก่เขา
       ฟักใ้ช้เหล้าในการเยียวยาความรู้สึกเจ็บปวดนั้น มีเงินเท่าไหร่ ก็ถลุงไปกับเหล้าเสียหมด ยิ่งทำให้ชาวบ้านนินทากันว่า "ฟักมันชั่ว" เสียแล้ว
       ฟักถูกชาวบ้านนินทาจนเกิดความเครียดไม่พอ ครั้นจะขอเอาเงินที่เคยฝากครูใหญ่คืน ก็กลับโดนครูใหญ่โกงเงินนั้นเสีย ไปต่อว่าหน้าบ้านครูใหญ่ ชาวบ้านก็หาว่าเขาเสียสติ รุมด่าทอและทำร้ายร่างกายฟักจนสะบักสะบอม...

                         แต่ความเศร้าของชีวิตที่แสนเนิ่นนานก็ปิดฉากลงด้วยการตายของฟัก
ฟักตายแล้ว ฟักไปสบายแล้ว


เป็นนวนิยายที่ถูกตีพิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า มีหลายปกมากค่ะ แต่บีอ่านปกสีขาวเล่มนี้
ภาพจาก http://www.oncebookk.com

บีว่าวรรณกรรมเล่มนี้มันวิเศษมาก ถ้าใครเคยดูในแบบฉบับภาพยนตร์ของสหมงคลฟิล์มมาแล้ว
แล้วได้มาเสพในแบบฉบับนวนิยายจะรู้เลยว่า มันตรึงใจกว่ามากๆ 

เป็นวรรณกรรมที่สามารถดึงอารมณ์ร่วมของผู้อ่านตั้งแต่ต้นเรื่องยันจบเรื่องได้ แม้ไม่ได้มีการสรรคำที่ไพเราะเพราะพริ้งมาใช้ ที่เป็นแบบนี้คงต้องยกให้เนื้อหาที่มีการนำเสนอแนวคิดที่มันจี๊ดดดดด

ชวนให้ฉุกคิดตลอดว่า 


"นี่เราได้เผลอทำร้ายใครโดยการตัดสินเขาไปแล้วรึเปล่า
หรือที่ผ่านมาเราโดนกระทำจากคำครหาของคนอื่นหรือไม่"


บีว่าสิ่งที่ได้รับจากวรรณกรรมเรื่องนี้มันทำให้ผู้อ่านเข้มแข็งขึ้นค่ะ
เป็นธรรมดาของปุถุชนค่ะ ทุกคนต้องถูกครหาอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าเราจะมองมันในมุมไหนมากกว่า

หากเราเป็นผู้ถูกกระทำจากคำครหานั้น เราต้องเข็มแข็งและอย่าให้อะไรมามีอิทธิพลกับตัวเรา
บีว่าสัปเหร่อไข่นี่เป็นตัวแทนของคนที่ Live and learn เลยค่ะ เรียนรู้ที่จะอยู่กับปัญหา
 เข้าใจและใช้ชีวิตอย่างปกติสุข

อีกข้อคิดที่เห็นจะได้แน่ๆ เห็นจะเป็นเรื่องของการไม่ด่วนตัดสินใครทั้งจากท่าทาง ฐานะ คำพูด และจะเป็นอันดีหากเราวางใจเป็นกลาง ไม่นำเรื่องของคนอื่นมาพูดให้เขาเสื่อมเสีย เพราะในความเป็นจริงแล้วเราไม่มีสิทธิตัดสินชีวิตใครว่าเขาเป็นคนดีหรือไม่ เพราะสิ่งที่เราเห็นนั้น เป็นเพียงมุมชีวิตของเขาเพียงมุมหนึ่งเท่านั้น ยังมีอีกหลายมิติที่เราไม่ได้เห็นในตัวตนของเขา...

จะว่าไปแล้ว ก็ทำให้บีนึกถึงหนังสั้นเรื่องหนึ่งที่เคยดังในเว็บบอร์ด

 "มั่นใจว่าคนไทยเกิน 1 ล้านคนเกลียดเมธาวี"


ภาพจาก www.matichon.co.th

หญิงสาวสวย ที่ถูกเพื่อนๆร่วมสถาบันพูดถึงเธอต่างๆนานา ทั้งมีคนที่แอบปลื้ม ชื่นชอบเธอ
และคนที่คอยพูดใส่ร้ายให้เธอเสื่อมเสีย

ตัวเธอนั้นยังไม่รู้เลยว่าเธอเป็นคนอย่างไร แต่สังคมก็ตีตราเธอไปก่อนเสียแล้ว
...

เป็นหนังสั้นที่ได้ข้อคิดมากๆค่ะ



บอกเลยว่า ทุกครั้งที่มีใครพูดถึงคนอื่นในแง่มุมไม่ดี บีจะคิดแล้วคิดอีก ไม่ปักใจเชื่อเลย

และบีจะรู้สึกไม่ชอบใจใครจริงๆก็ต่อเมื่อบีได้รับกริยาที่ไม่ดีของเขา จากการกระทำที่เขาทำจริงๆ ไม่ใช่เพียง คำพูดของคนอื่น

             และสำหรับใครที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกกระทำจากคำพูดของคนอื่น บีอยากให้ข้อคิดและกำลังใจว่า "คำพูดของคนอื่นไม่สำคัญเท่าการกระทำของตัวเรา" ค่ะ 




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น